สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ Surströmming ของสวีเดน หนึ่งในอาหารที่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลก

วิธีการถนอมอาหาร

วิธีการถนอมอาหาร เป็นหนึ่งในกรรมวิธีที่ทำให้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ สามารถเก็บไว้กินได้ในระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะในประเทศเมืองหนาวที่จะต้องมีการกักตุนอาหารก่อนที่หน้าหนาวจะมาเยือน และหนึ่งในประเภทของเนื้อสัตว์ที่นำมาใช้ในการทำอาหาร ก็คือเนื้อปลา นอกเหนือไปจากการหมักปลาร้าที่คนไทยอย่างเรา ๆ รู้จักกันดีแล้ว ที่ประเทศสวีเดนก็มีการหมักปลาที่มีกลิ่นที่รุนแรงเช่นกัน โดยเมนูนี้มีชื่อว่า Surströmming (ซูร์สตรอมมิง) ซึ่งมีกลิ่นที่สุดจะเกินทน และเป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลก 

Surströmming (ซูร์สตรอมมิง) คืออะไร?

เมนูนี้ คือ ปลาหมักที่มีกลิ่นเหม็นมาก มีต้นกำเนิดมาจากสวีเดนและเป็นหนึ่งในอาหารที่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลก ถึงแม้กลิ่นของปลาชนิดนี้จะเหม็นขนาดไหน แต่ก็เป็นอาหารอันโอชะของสวีเดนที่มีชื่อเสียงซึ่งทำจากปลาเฮอริ่งทะเลบอลติกหมักน้ำเกลือ ก่อนหมักจะมีการตัดหัวออกก่อนใช้เพียงแค่ส่วนลำตัว หลังจากผ่านไปประมาณ 2 เดือน ปลาเฮอริ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้บางส่วนจะถูกถ่ายโอนไปยังกระป๋องที่มีอากาศถ่ายเท และจะหมักต่อไปอีกถึง 1 ปี

รสชาติของ Surströmming (ซูร์สตรอมมิง) 

ผู้ที่ชื่นชอบซูร์สตรอมมิงจะต้องเป็นผู้ที่หลงใหลในรสชาติอูมามิที่เข้มข้น ซึ่งรสชาตินั้นดีกว่ากลิ่นมาก จากการกัดครั้งแรก จะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้น จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงความเป็นกรดที่เกิดจากการหมัก 

วิธีกิน Surströmming (ซูร์สตรอมมิง)

ในสวีเดนการกินซูร์สตรอมมิงถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางสังคม ที่ผู้คนจะมารวมตัวกันแล้วนั่งทำแซนวิสแสนอร่อย  Surströmming มักรับประทานคู่กับขนมปังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า tunnbröd (ขนมปังบาง ๆ) ถ้าเลือกขนมปังเนื้อนุ่ม ก็สามารถม้วนทำเป็นโรลได้ แต่สำหรับขนมปังแข็งก็สามารถรับประทานในลักษณะแซนวิชได้ พร้อมเพิ่มเติมไปด้วยเครื่องปรุงรสที่หลากหลาย เช่น หัวหอม, ซาวร์ครีม และกุ้ยช่าย และมักจะเสิร์ฟพร้อมเบียร์ หรือถ้าไม่อยากทานขนมปัง จะเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งก็ได้ 

และนี่ก็คืออีกเมนูสุดแปลกและสุดเหม็น ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ว่าเมนูนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาวสวีเดนที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่น่าสนใจเมื่อนำมาทานคู่กับขนมปังแล้ว ก็จะช่วยลดความเข้มข้นของปลาหมักได้เป็นอย่างดี แต่กลิ่นก็ยังคงรุนแรงเช่นเดิม ถ้ามีโอกาสคนไทยอย่างเรา ๆ ที่คุ้นเคยกับ กลิ่นของปลาร้าก็น่าสนใจในการลิ้มลองเป็นอย่างมาก